Sunday, March 9, 2008

ANGKOR TRIP (ตอนสิบเก้า)

ปราสาทแปรรูป สร้างในต้นพุทธศตวรรษที่ 16 (พ.ศ. 1504) รัชสมัยของพระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 2 ศิลปะแบบแปรรูป

ปราสาทแปรรูป จัดเป็นปราสาทหลวงในรัชสมัยของพระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 2 ก่อนที่จะย้ายเมืองหลวงไปยังเมืองพระนคร พระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 2 ทรงเลือกบริเวณทิศใต้ของบารายตะวันออกเพื่อตั้งเป็นเมืองหลวง และปราสาทแปรรูปแห่งนี้ อุทิศถวายให้แก่พระศิวะ พระวิษณุ และพระพรหม

แปรรูป มาจากความหมายที่ว่าการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย สันนิษฐานจากลักษณะของหีบซึ่งทำจากหินทราย ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออก ก่อนขึ้นไปสู่ปรางค์ประธาน หีบหินทรายนี้เป็นที่สำหรับบรรจุอัฐิของพระมหากษัตริย์ ปรางค์ประธาน ถูกสร้างอยู่เหนือฐานอิฐ 3 ชั้น แต่ละชั้นมีขั้นบันไดขึ้นไป 12 ขั้น รูปทรงลักษณะคล้ายปิรามิด ส่วนปรางค์บริวารทั้ง 4 อยู่บนฐานเดียวกัน

ภาพสลักพระอินทร์ ที่ทับหลังของปรางค์ประธาน มีภาพสลักพระอินทร์ซึ่งเป็นเทพประจำทิศตะวันออก พวงอุบะ (พวงมาลัย) และเหล่าพรรณพฤกษาถือเป็นต้นแบบของศิลปะยุคแปรรูป ด้านข้างของเสากรอบประตูมีภาพสลักของเทพธิดาที่ดูทรุดโทรมลงไปบ้าง

บันไดขึ้นสู่ปรางค์ประธาน ค่อนข้างชันและแคบ เปรียบเหมือนผู้ที่จะเข้าสู่ปรางค์ประธานจะต้องมีการคาราวะ ก้มหน้าก้มตาขึ้นสู้บันไดด้วยความระมัดระวัง ปรางค์บริวารด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ มีภาพสลักของเทพธิดาที่งดงามอยู่บนอิฐและปูนปั้นโบราณของพระนางลักษมีและพระวิษณุ ภาพสลักพระนางอุมาเทวีและพระศิวะ ส่วนปรางค์ประธานที่อยู่ตรงกลางมีภาพสลักพระพรหม ซึ่งมี 4 หน้าและ 4 กร

จบการชมปราสาททั้งสิ้น 3 วันแล้ว เราขออำลาอาลัยกับปราสาทนครวัดเป็นครั้งสุดท้าย คือ…ขอได้แค่นั่งรถผ่านทั้ง 3 วัน แค่นั้นก็พอใจแล้ว

ขอบอกว่า…นครวัดเป็นปราสาทที่เราประทับใจสุด ๆ ในการเดินทางครั้งนี้

เย็นย่ำก็พากันไปกินข้าวที่ร้านเดิมอีก หวานเหมือนเดิม สั่งน้ำมะนาวปั่น รสชาดก็เป็นนมกลิ่นมะนาวเหมือนเดิม เจ้าน้องติดกาแฟงอมแงม ก็ต้องการกาแฟอีกแล้ว พอดี ๆ พวกเราเคยเล็ง ๆ ร้านในปั๊มน้ำมันไว้ร้านหนึ่ง เพราะเห็นว่ามีรูปแซนวิช แฮมเบอร์เกอร์ ก็เลยน่าลอง ขอแวะไปเยี่ยมไปชมไปชิมกันสักหน่อย คงจะดี

แล้วพวกเรา 4 คนก็เดินขบวนกันไป สั่งกาแฟ ชาปั่นไข่มุก ชามะนาว รสชาดก็หวานกันอีกแล้ว ที่เด็ดก็คือ ที่ก้นแก้วของชามะนาว เห็นน้ำตาลที่ยังไม่ละลายประมาณว่าสัก 2 ช้อนชา ก็สมแล้ว ที่จะหวานกันซะขนาดนั้น แต่ที่นี่ดีหน่อย ก็คือว่าไม่ต้องรอนาน หรือนานก็ไม่รู้ เพราะในร้าน มีซุปเปอร์มาเกตอยู่ด้วย ก็เลยแต๊ดแต๋ไปดูของฝาก ซึ่งไม่ได้อะไรติดมือมาเลยสักชิ้น ก็เลยกลายเป็นว่า ไม่ได้รอนานนัก รอไม่นาน ก็ไม่ชอบอีก ไม่เข้าใจตัวเอง ยังไงกันนี่

No comments: