Friday, March 7, 2008

ANGKOR TRIP (ตอนสิบหก - ประสาทบันทายสรี ๑)

ปราสาทบันทายสรี สร้างในต้นพุทธศตวรรษที่ 16 รัชสมัยของพระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 2 และพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 ศิลปะแบบบันทายสรี

ตามจารึกที่ปราสาทบันทายสรีกล่าวว่าปราสาทแห่งนี้สร้างใน พ.ศ. 1510 โดยยัชญวราหะ ซึ่งเป็นพราหมณ์นักปราชญ์ เมื่อพระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 2 เสด็จสวรรคต พระเจ้าชัยวรมันที่ 5 ซึ่งเป็นราชโอรสจึงขึ้นครองราชย์แทน เนื่องจากพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 ยังทรงพระเยาว์อยู่ พราหมณ์ยัชญวราหะจึงได้ทำหน้าที่เป็นทั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์และเป็นพระอาจารย์ให้กับพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 ไปพร้อมๆ กัน พราหมณ์ยัชญวราหะได้ทูลขอที่ดินแปลงหนึ่งจากพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 เพื่อมาสร้างปราสาทเพื่อบูชาพระศิวะ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของราษฎร
และเป็นที่น่าสังเกตว่าปราสาทที่พระเจ้าแผ่นดินสร้าง กับปราสาทที่เสนาบดีหรือข้าราชการชั้นสูงสร้างจะต่างกันที่ฐาน ปราสาทที่พระเจ้าแผ่นดินสร้าง จะสร้างอยู่บนฐานที่ทำเป็นชั้นสูง หรือสร้างบนเนินเขาดังเช่น นครวัด ที่ส่วนปรางค์ประธานจะต้องตั้งอยู่ฐานชั้นสูงหรือที่พนมบาแค็ง ที่ปราสาทสร้างอยู่บนเนินเขา สำหรับปราสาทบันทายสรี ผู้สร้างเป็นราชครู จึงต้องสร้างปราสาทบนเนินดินอาจทำเป็นฐานเตี้ยๆ ยกพื้นขึ้นเพื่อรองรับตัวปราสาทเท่านั้น

ปราสาทบันทายสรี เป็นเทวสถานขนาดเล็ก แต่มีความงามทางด้านลวดลายเป็นเลิศ ศิลปะมีลักษณะพิเศษจนต้องจัดเป็นศิลปะสมัยหนึ่งโดยเฉพาะ ศิลปะแบบบันทายสรีถูกจัดให้อยู่ในยุคราว พ.ศ. 1510-1550 ก่อสร้างด้วยหินทรายสีชมพู เนื้อละเอียด การสลักลวดลายดูอ่อนช้อย ลายคมชัด ดูมีชีวิตชีวา

ภาพสลักพระศิวะนาฎราช เมื่อผ่านโคปุระซึ่งเป็นกรอบประตูมีความสูงประมาณ 2.50 เมตร ทางเข้าปูลาดด้วยหินทราย กว้างประมาณ 60 เซนติเมตร ยาวประมาณ 1 เมตร ไปตลอดแนวประมาณ 40 เมตร สองข้างทางมีเสานางเรียงสูงประมาณ 1.50 เมตร ไปจนถึงโคปุระชั้นใน ที่หน้าจั่วของโคปุระชั้นในนี้เป็นลายก้านขดคล้ายกับปั้นลมที่ปราสาทเขาพระวิหารมาก เพียงแต่ที่ปราสาทบันทายสรีมีขนาดเล็กกว่า

หน้าบันของโคปุระชั้นใน สลักเป็นภาพพระคชลักษณมี ในภาพพระลักษณมีประทับอยู่ตรงกลางมีคชสารสองเชือกชูงวงประสานกันโดยรอบเป็นลวดลายพฤกษานานาพรรณ สลักได้คมชัดและดูอ่อนช้อย ที่ทับหลังทำลวดลายพวงมาลัย ลักษณะเด่นของศิลปะแบบบันทายสรีตรงกลางพวงมาลัยสลักให้แอ่นอ่อนลงมา ไม่ทำเป็นแนวตรงๆ ดังศิลปะยุคอื่นๆ เมื่อเข้าสู่โคปุระชั้นในจะพบว่าส่วนฐานของปราสาทประดิษฐานด้วยเทวาลัยอยู่ตรงหน้า มีประติมากรรมลอยตัวรูปโคนนทิ ด้านหลังของเทวาลัยมีปราสาทสามหลังอยู่บนฐานเดียวกัน มีหอบรรณาลัย(ห้องสมุด)อยู่ทั้งซ้ายและขวา

No comments: