Monday, October 26, 2009

China Trip (ตอน 3)

19 ตค. 52 วันนี้ไกด์บอกว่าหนาวขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง ก็เอาวะ เอาเสื้อกันหนาวที่ยืมมาใส่เสียหน่อย มันมีฮู้ดที่มีขน ๆ ด้วย เกิดมาไม่เคยใส่เสื้อผ้าประเภทนี้ ตอนแรกตั้งใจว่าจะเอาฮู้ดออก แต่มันกลับมีประโยชน์ตอนที่ลมเย็น ๆ มาปะทะแก้มตอบ ๆ ของเรา ถึงได้รู้ว่ามันไม่ใช่เสื้อกันหนาวประเภทแฟชั่นเท่านั้น มันมีประโยชน์แฝงอยู่ในตัวด้วยเหมือนกัน

วันนี้เราต้องขึ้นเขาง้อไบ้ (เอ๋อเหมยซาน) ที่เรา ๆ ท่าน ๆ รู้จักสำนักง้อไบ้จากหนังจีนกำลังภายในนั่นแหละ มันเป็นสำนักชีที่อยู่บริเวณด้านล่างเขานั่นเอง อันนี้อ้างอิงมาจากคำพูดของไกด์ ถ้าผิดก็ไม่ใช่ความผิดเรา ยกความผิดไกด์แต่เพียงผู้เดียว ช่างเป็นคนดีเสียจริง ๆ

จากโปรแกรมการเดินทางบอกไว้ว่า เอ๋อเหมย แปลว่า คิ้วโก่ง เพราะทิวเขามีลักษณะเหมือนคิ้วนักพรตในลัทธิเต๋า เข้ามาสร้างศาลเจ้าในเทือกเขาแห่งนี้ในศตวรรษที่ 2

แล้วเราก็นั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปยังจุดชมวิวบนยอดทองคำ (เขาจินติ่ง) ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 3,077 เมตร

ตอนที่ไกด์บอกว่ากระเช้าเนี่ยะนะ มันจุได้หลายสิบคน เราก็นึกว่ามันคงจะใหญ่เบ้อเร่อเฮิ่ม เพราะปกติเท่าที่ที่เห็นกระเช้าลอยฟ้ามาบ้าง อะไรบ้าง มันจะยืนหรือนั่งกันได้สบาย ๆ แต่ที่นี่ไม่ใช่ค่ะ มันเป็นกระเช้าประมาณรถมินินัส แล้วคนก็เบียด ๆ กันเข้าไป แย่งกันเข้า แย่งกันออก ดีที่ไกด์แนะไว้ว่าถ้าเข้าไป ให้รีบไปที่มุมด้านใดด้านหนึ่งเลย จะได้ไม่ถูกเบียดมาก ก็เลยค่อยยังชั่ว ขาออกก็แย่งกันออกอีก ไม่เข้าใจว่าทำไมเหมือนกัน

No comments: