Thursday, December 27, 2007

ว่าด้วยเรื่องของปณิธานปีใหม่ (New Year Resolutions)

บทความนี้แปลและเรียบเรียงเพื่อปีใหม่ที่จะใกล้มาถึงนี้ บวกกับอยากจะขอเชิญชวนให้คุณ ๆ ลุกขึ้นมาออกกำลังกายกัน เพื่อตัวคุณเองและคนที่คุณรัก แปลและเรียบเรียงจาก ezinearticles.com

ปีใหม่ใกล้เข้ามาพร้อมกับความตั้งใจ หวังไว้ว่าจะทำโน่น ทำนี่ บางคนก็ตั้งใจอย่างมากมาย บางคนก็ไม่ตั้งใจจะทำนัก แล้วเราจะทำให้ความตั้งใจดี ๆ ของเราต้องพังทลายเชียวหรือ

หลายคนตั้งใจว่าปีใหม่นี้จะต้องฟิต แข็งแรง มีความสุขกับชีวิต บทความที่แปลมานี้จึงเป็นของพวกคุณ กระตุ้นให้คุณประสบผลสำเร็จตามความตั้งใจของคุณ

การออกกำลังกายของแต่ละคนแตกต่างกันไปด้วยเหตุผลนานับประการ บางคนออกกำลังกายเพื่อให้ดูแล้วสมกับที่เกิดมาเป็นชาย บางคนอยากฟิต บางคนอยากลดน้ำหนัก ลดไขมัน บางคนต้องการเพิ่มกล้ามเนื้อให้เห็นชัดขึ้น เพื่อรูปร่างอันเป็นที่ต้องตาต้องใจเพศตรงข้ามบ้าง ไม่ตรงข้ามบ้าง แต่ไม่ว่าคุณจะออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ ความแข็งแรง ลดไขมัน หรือเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ เพื่อรูปร่างที่สวยงาม ก็ตามที คุณจะได้รับประโยชน์อันมากมายมหาศาล ความเป็นจริงแล้ว มันไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่คุณจะต้องไปออกกำลังกายที่ฟิตเนส คุณสามารถออกกำลังกายได้ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน หรือสวนสาธารณะ แถมยังช่วยให้คุณประหยัดเงินจากค่าสมาชิกของฟิตเนสได้มากโข

สำหรับคุณ ๆ ที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็ขอยินดีด้วย และขอให้ทำต่อไป ส่วนคุณที่ยังไม่ได้ออกกำลังกายนั้น จะบอกให้ว่าคุณกำลังพลาดสิ่งดี ๆ ไป อันได้แก่

- การหมุนเวียนโลหิตดีขึ้น ช่วยให้ผิวพรรณและเส้นผมงดงาม ไม่เพียงแค่ร่างกายจะฟิต และสุขภาพดีขึ้นเท่านั้น

- น้ำหนักลดลงหรือเรียกให้ถูกนั่นก็คือไขมันลดลงนั่นเอง พวกเราส่วนใหญ่มักจะใช้สองคำนี้สลับกัน เพราะเข้าใจว่าเป็นความหมายเดียวกัน แต่การลดน้ำหนัก มันหมายความถึง คุณสูญเสียน้ำ ของเสีย และที่แย่ยิ่งกว่านั้นนั่นก็คือการสูญเสียกล้ามเนื้อ ด้วยนั่นเอง ส่วนการลดไขมันในร่างกาย มันก็สื่อตามตัวของมันนั่นเอง นั่นก็คือปริมาณไขมันลดลง และมันทำให้ร่างกายของคุณดูดีขึ้น

- ช่วยขจัดความเครียดได้อย่างดีเยี่ยม เพราะเมื่อคุณออกกำลังกายอย่างเพียงพอ ร่างกายคุณก็จะผลิตสาร Endorphin หรือที่อีกหลาย ๆ คนเรียกว่า Happy Hormone นั่นเอง

- เพิ่มความหนาแน่นของกระดูก จึงทำให้ลดอัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุน ซึ่งมักจะเกิดกับผู้หญิงส่วนใหญ่เมื่อพวกเธอถึงวัยอันสมควร มวลกระดูกก็จะสูญเสียไปพอ ๆ กับกล้ามเนื้อ ดังนั้นคุณจึงควรออกกำลังกายเพื่อสร้างกระดูกให้แข็งแรง รวมทั้งรักษามวลกล้ามเนื้อไว้ด้วย

- กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น โตขึ้น จะบอกให้ว่า…ยิ่งมวลกล้ามเนื้อมากเท่าไหร่ อัตราการเผาผลาญก็จะมากขึ้นเท่านั้น และเมื่ออัตราการเผาผลาญมากขึ้น ไขมันในร่างกายก็จะถูกเบิร์นขึ้นมากเท่านั้น นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมการลดน้ำหนักจึงต้องควบคู่กันไปกับการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ

- เมื่อแข็งแรงและทนทานขึ้น การขึ้นบันไดก็ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวอีกต่อไป คุณจะเล่นบอลได้คล่องแคล่วว่องไวขึ้น ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นไปได้ล่ะ ก็เพราะคุณแข็งแรงขึ้นไง นอกจากนี้งานประจำวันอันน่าเบื่อก็จะกลายเป็นเรื่องสบาย ๆ คุณสามารถสนุกไปกับสิ่งที่คุณทำได้โดยไม่เหนื่อยง่าย ๆ อีกต่อไป เพราะความแข็งแรงที่เพิ่มขึ้นจากการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอนั่นเอง

- ลดอัตราความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ เส้นเลือดอุดตัน และมะเร็งประเภททอปเท็น รวมทั้งโรคต่าง ๆ อีกมากมาย

- ลดไตรกลีเซอร์ไรด์ และคอเลสเตอรอลเลว และเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลดี และอีกครั้งมันช่วยป้องกันคุณให้ห่างจากโรคที่เกิดจากคอเลสเตอรอลเลว

- ป้องกันอาการบาดเจ็บ เพราะคุณแข็งแรงและว่องไวมากขึ้น นอกจากนี้ร่างกายของคุณยังยืดหยุ่นมากขึ้น ความเร็วในการเคลื่อนไหวก็มากขึ้น และแน่นอนคุณจะรู้สึกดี ๆ ที่สุขภาพดีขึ้นด้วย

- ระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้น ช่วยให้คุณประหยัดค่าหมอ นั่นก็หมายความว่า คุณมีเงินออมในกระเป๋ามากขึ้นนั่นเอง

- ลดอัตราการเต้นของหัวใจ และความดันโลหิตสูง ซึ่งหมายความว่าระบบการไหลเวียนโลหิตและหัวใจดีขึ้นนั่นเอง

- ควบคุมการตอบสนองต่ออินซูลินให้ช้าลง เป็นการป้องกันการเกิดเบาหวานชนิดที่ 2 - เบาหวานชนิดที่ไม่พึ่งอินซูลิน (Non-Insulin Dependent Diabetes) – ดังนั้นน้ำหนักของคุณจะไม่ขึ้นง่าย ๆ แถมยังน้ำหนักลดได้อีก

- เพิ่มความมั่นใจพร้อมกับความภาคภูมิใจในตนเอง แน่ล่ะว่ามันจะทำให้คุณเดินอย่างภาคภูมิและสง่างาม เพราะบุคลิกท่าทางดีขึ้น เกิดจากการพยุงร่างกายที่ดีขึ้นเพื่อให้เหมาะกับการเสริมสร้างกล้ามเนื้อขึ้นมาใหม่

ด้วยประการฉะนี้ จงสวมรองเท้ากีฬาและมุ่งไปออกกำลังกายกัน ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน สวนสาธารณะ หรือฟิตเนสก็ตาม ปีใหม่นี้เรามาเสริมสร้างกล้ามเนื้อกัน มาตั้งใจลดอัตราเสี่ยงต่อสิ่งที่จะทำอันตรายกับร่างกายของคุณกันดีกว่า

Thursday, December 20, 2007

3 ปริศนาชวนสงสัย กับการบริหารหน้าท้อง

บทความนี้ สืบเนื่องมาจากได้คุยกับเพื่อนในฟิตเนสเรื่องการ sit-up หรือ crunch เพราะวันนั้นทดลองเกร็งหน้าท้องสุดฤทธิ์ แล้วค่อย ๆ ยกลำตัวขึ้นช้า ๆ ก็จะเล่นได้แค่ประมาณ 8 ครั้งต่อเซตเท่านั้น เพราะแค่ 8 ครั้งก็รู้สึกจริง ๆ ได้ว่ามันโดนสุด ๆ

เพื่อนก็เลยบอกว่า ตัวเค้าน่ะเล่นเซตละ 40 เลยนะ 4 เซตด้วย

เราก็ได้แต่... โอ้โห เก่งจังเลย ทำได้ไง

แต่…ในใจคิดว่า มันจำเป็นต้องเล่นเยอะแยะขนาดนั้นเชียวเหรอ เล่นน้อย ๆ แต่โดนไม่ดีกว่าเหรอ

เค้าก็คุยต่ออีกว่า เค้าลองจับเวลา 1 นาที ปรากฎว่าเล่นได้ร้อยกว่าครั้ง

เราก็ได้แต่... โอ้โห เก่งจังเลย ทำได้ไง เราทำได้แต่ช้า ๆ

เค้าก็เลยบอกว่า ทำช้า ๆ น่ะ กล้ามเนื้อมันจะคลายตัว ไม่มีประโยชน์อันใด

เราก็ได้แต่ อ๋อ เหรอ เพราะมันไม่รู้จริง ๆ น่ะ รู้แต่ว่าไม่ถนัดก็จะไม่ทำ เพราะถ้าทำเร็วจะรู้สึกว่าเมื่อยคอมากกว่า แล้วก็ไม่รู้สึกว่าโดน ทำช้า น้อยครั้ง แต่โดนน่าจะดีกว่า

ประเด็นนี้ ก็เลยทำให้สงสัยอีกแล้วว่า sit-up หรือ crunch มากครั้งหรือน้อยครั้ง อันไหนจะดีกว่า แล้วมันจำเป็นกับชีวิตมากมายเพียงใด ก็เลยค้นหาข้อมูลใน Internet อีกแล้ว คำตอบที่ได้ก็จะแนว ๆ เดียวกัน ก็เลยจัดการแปลซะ

หาอ่านได้ที่ http://www.theryo.com/2007/07/3_abs_trainning_myth/

เรื่องราวของสองนาง

บทความนี้...ผู้แปลบังเอิญได้อ่าน อ่านแล้ว..ก็รู้สึกว่าเอ่อ...สนุกดี แถมยังมีข้อคิดให้อึ้งกิมกี่อีกต่างหาก ก็เลยลองแปลมาแบบทุลักทุเลนิดหน่อย จึงได้เรื่องมาประมาณนี้

อ่านได้จาก http://www.theryo.com/2007/06/tale_of_two_ladies/

Monday, December 17, 2007

วิธีจัดการกับ "เซลลูไลท์" ศัตรูตัวฉกาจของสาวๆ

บทความนี้มีที่มาที่ไปก็ด้วยการที่...น้องที่ทำงาน เล่าให้ฟังว่า เค้าไปกำจัดเซลลูไลท์มา ด้วยวิธีการฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์เข้าใต้ผิวหนัง ผู้แปลได้ฟังแล้วก็ เอ่อ.... น่าสนใจดี ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ก็เลยจัดการสนองตัณหาของตัวเอง ด้วยการค้นหาข้อมูลในเวปไซต์ เพราะว่ายังไม่มีความรู้เรื่องเซลลูไลท์มากเท่าไหร่ พอหาบทความได้แล้ว ก็เลยนึกสนุก อยากแปลอีกแล้ว ก็จัดการแปล แล้วก็เรียบเรียงในสไตล์ของตัวเอง ส่งมาให้ลิงก์โปรดอีก ติดตามอ่านได้จาก http://www.theryo.com/2007/05/how2getridofcellulite/

Saturday, December 15, 2007

เรื่องไม่จริงของสาว ๆ ว่าด้วยการฝึกด้วยน้ำหนัก

เรื่องแปลทั้งหมดนี้มีแรงบันดาลใจจากการได้อ่านเว๊ปโปรด TheRyo's GYM บวกกับความอยากรู้เรื่องราวประเภทการออกกำลังกาย บวกกับความอยากแปล บวกกับการอยากหาคนที่มีความรู้ประเภทนี้ มาขัดเกลาเรื่องราวที่ผู้แปลแปล และแก้ไขให้ถูกต้อง เรื่องแปลต่อไปนี้จึงถือกำเนิดเกิดขึ้นมาในเว๊ปโปรดตามที่กล่าวข้างต้น

เริ่มจากผู้แปลรู้สึกว่าตัวเองอ้วน อึดอัด อย่างมากมาย ก็เลยเจียดเงินสมัครเข้าเป็นสมาชิกฟิตเนสแห่งหนึ่ง ความรู้สึกแรก ๆ ก็เหมือนกับคุณผู้หญิงโดยทั่วไปว่า ไม่อยากเล่นเวท เพราะคิดว่าน่าเบื่อ กลัวกล้ามเป็นมัด ๆ ไอ้ที่มันใหญ่อยู่แล้ว ประมาณว่า ต้นแขน ต้นขา น่อง อะไรเทือกนั้น มันจะใหญ่โต ล่ำบึ้กมากมาย ก็เลยเล่นแต่ในคลาสเท่านั้น

ที่ฟิตเนสมีการให้คำแนะนำเรื่องการเล่นเวทในห้องยิม ซึ่งจะต้องวอร์มที่ลู่วิ่งอะไรประมาณนี้ ประมาณ 10-15 นาที จากนั้นก็เล่นเวท แล้วจบด้วยการเบิร์นที่ลู่วิ่งอีกประมาณ 30-45 นาที

แรก ๆ ก็ ฮู้…ไม่เล่นหรอก ก็รู้สึกว่าน่าเบื่อ ทำไมจะต้องมาวิ่งต๊อกแต๊ก ๆ ตั้ง 20-30 นาที แล้วเล่นเวทอีก

สักเดือนกว่าๆ ก็เริ่มรู้สึกว่า มันไม่คุ้มกับเงินที่เสียไป เพราะจะเล่นคลาสได้แค่ 2 วัน ก็เลยเล่นเวทเสียหน่อย แรก ๆ มันก็ไม่สนุกหรอก พอช่วงหลัง ๆ เริ่มมีคนทักว่า ตัวเล็กลง คราวนี้ก็เลยบ้าเล่นเวท เข้าฟิตเนสอาทิตย์ละ 5 วัน

หลัง ๆ เริ่มรู้สึกบ้ากำลัง ก็เลยแวะเวียนเข้าไปหาเรื่องราวตามเว็บไซต์ต่าง ๆ ประเภทเรื่องของสุขภาพ การออกกำลังกาย ก็มาเจอเว๊ปโปรดตามที่กล่าวมาข้างต้นนี้แหละ พออ่านแล้วก็ถูกใจใช่เลย

เรื่องแปลเรื่องแรกเกี่ยวกับการออกกำลังกายต่อไปนี้ จึงถือกำเนิดเกิดขึ้นมา ด้วยประการฉะนี้แล... http://www.theryo.com/2007/04/myth_of_women/

Thursday, December 13, 2007

แอ่วดอยผ้าห่มปก-เขื่อนแม่งัด (ตอนสุดท้าย)

1 ธค. 50
วันนี้เดินทางออกจากแพที่พัก ไปอุทยานแห่งชาติออบขานกัน ระหว่างทางก็มีการแวะน้ำตกบัวตอง กับน้ำพุเจ็ดสี บริเวณนี้ร่มรื่นมาก ๆ บรรยากาศดี เหมาะจะมาพักผ่อนมาก ๆ ขอชม


น้ำพุเจ็ดสี หะแรกนึกว่าจะเป็นน้ำพุพุ่งขึ้นฟ้า มีสีเจ็ดสี ก็ว่ากันไป ผิดหวังเล็กน้อย แต่...สีมันสวยดี ดูเป็นสีเหลื่อม ๆ แล้วก้นบ่อก็จะประมาณมีน้ำผุดขึ้นตลอดเวลา ดูสวยดี มิเสียแรงมาดู





จากนั้นก็แวะที่วัดบ้านเด่น (ตามภาพด้านล่าง) เป็นวัดที่สวย สวยมาก ๆ ... สวยยยยยย..จนเกินวัด


บ่ายแก่ ๆ ก็พากันไปอุทยานแห่งชาติออบขาน ไม่น่าเชื่อห่างจากถนนไม่กี่กม. ก็กลายเป็นอุทยานไปได้เฉยเลย รู้สึกว่าหลุดเข้าไปอีกโลก ๆ หนึ่ง จากเมืองสู่ป่า อะไรทำนองนั้น

จากที่เคยไปดูไปชมบรรดาออบ ๆ มาเนี่ยะ ตามความรู้สึกของตัวเราเองจะไม่ค่อยชอบ เพราะมันเป็นผาหิน ซึ่งดูแล้วแห้งแล้ง ห่อเหี่ยว ยังไงพิกล ก็เลยรู้สึกเหี่ยว ๆ วันนี้ หรือว่า...จะถึงวันกลับแล้วก็ไม่รู้




2 ธค. 50
ถึงวันกลับบ้านแล้ว ไม่อยากจะกลับเลย อยากจะตระเวนเที่ยว หาความสุขใส่ตัวอีก แต่ก็ไม่สามารถ เพราะไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทอง


แวะลำปางซื้อของฝากกันไปตามประสาคนกรุง ก็ซื้อน้ำพริกหนุ่ม ยอดฮิต ซื้อนู่น ซื้อนี่ กันไป จากนั้นก็แวะพิษณุโลกไปนมัสการพระพุทธชินราช เพิ่มมงคลให้ชีวิต

พอเข้ากรุงเทพฯ ดึก ๆ หน่อย ก็จะเจออุบัติเหตุรายทางเป็นครั้งเป็นคราว รถก็เลยติดกันไป เหตุอาจจะเป็นเพราะวันนี้เป็นวันอาทิตย์ ผู้คนพากันทยอยกลับเข้ากรุงเทพฯ ทำงานทำการต่อไปในวันรุ่งขึ้น รวมทั้งพวกเราด้วย เฮ้อออออออออออออออออออออ…

ดูรายละเอียดอุทยานแห่งชาติออบขานได้ที่
http://www.dnp.go.th/parkreserve/asp/style1/default.asp?npid=2&lg=1 และน้ำตกบัวตอง แอ่น น้ำพุเจ็ดสี ได้ที่ http://www.dnp.go.th/parkreserve/forprint.asp?npid=51&lg=1


Tuesday, December 4, 2007

แอ่วดอยผ้าห่มปก-เขื่อนแม่งัด (ตอนที่ 2)

30 พย. 50
ออกเดินทางตั้งกะตีสี่เกือบตีห้าล่ะมั้ง ไปดูพระอาทิตย์ขึ้น พากันเดินขึ้นเขาลงเขา เห็นไกด์บอกประมาณห้าหกลูกได้ ก็เดินไปพักไปเป็นระยะ ๆ เดินไปเรื่อย ๆ ก็เจอหนุ่มสาวคู่นึง สาวเจ้าท่าทางโกรธหรืองอนหรือโมโหอะไรสักอย่าง หน้าตาบูดบึ้ง กลุ่มเราให้กำลังใจ ทักทาย เป็นระยะ เธอก็นิ่งเฉย ไอ้เราก็คิดว่าคงเป็นคนต่างชาติ ฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่อง แต่ไม่ใช่...ไทยแท้นี่แหละ ไอ้น้องคู่นี้อัธยาศัยไม่ดีเอาเสียเลย กรุณาอย่าเลียนแบบ


พอขึ้นไปถึงยอดดอย ราว ๆ หกโมงกว่า คุณพระอาทิตย์ก็ไม่โผล่ขึ้นมาให้เห็นกันเลย อุณหภูมิก็ตั้ง 5 องศาเชียว ไอ้เรารึก็อุตส่าห์ถ่อสังขารขึ้นมา ไป-กลับก็ต้องเดินถึง 7 กม. เชียว ไม่เห็นใจกันบ้าง คุณเมฆคุณหมอกก็ทำเป็นแกลัง ทำเป็นตัวหนาอยู่อย่างนั้น ปิดคุณพระอาทิตย์อยู่ได้ สักพัก คุณเมฆคุณหมอกคงสงสาร ก็เลยปล่อยให้แสงอาทิตย์กระจ่างแจ้งขึ้นมาแว่บนึง ไอ้เราก็ดีใจใหญ่ซิ เรียกพวกเรียกพ้องมาดู แต่จริง ๆ แล้วคุณเมฆคุณหมอกเธอล้อเล่น บังคุณพระอาทิตย์อีก เราเลยเซ็งเลย แถมลมก็แร้ง แรง หนาว ๆ ก็หนาว อะไรมันจะหนาวยะเยือกได้ขนาดนี้ก็ไม่รู้ ขนาดเอามือเย็น ๆ มาแปะที่หน้าตัวเอง ยังไม่รู้สึกเลย ไม่น่าเชื่อขึ้นดอยครั้งนี้ทำให้เรารู้ว่าหน้าชาเนี่ยะ มันเป็นอย่างงี้นี่เอง

แต่แล้ว…เราก็เริ่มคุ้มค่ากับการขึ้นมาที่ดอยนี้ พวกเราไปเจอะไปเจอกับนักเรียนแพทย์ มช. 4 คน บรรดาสาว ๆ ต่างกระดี๊กระด๊าไปตามประสา ยกเว้นบรรดาพวกผู้ชาย แรก ๆ บรรดาสาวน้อย (เสียเมื่อไหร่) ก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปเจ๊าะแจ๊ะด้วย เนื่องจากมีการไหว้วานให้น้อง ๆ ช่วยถ่ายรูปหมู่คณะให้ ก็เลยเริ่มคุ้นเคย ที่สุดน้อง ๆ เธอก็ขอให้ถ่ายรูปให้บ้าง สาว ๆ ก็พากันลอบแอบมองด้วยความพึงใจ สาวบางคนของกลุ่มเราก็ยุให้คุณน้อง ๆ ถอดเสื้อ คุณน้อง ๆ ก็ถอดเสื้อ แต่มิใช่แค่เสื้อนอก แต่ถอดจนเห็นเนื้อหนังมังสากันไป สาว ๆ ก็พากันกรี๊ดกร๊าด น้ำลายหกกันเป็นทาง โอ้ว…ช่างเป็นการขึ้นเขาที่คุ้มค่าเสียนี่กระไร

ประมาณสิบโมงกว่า ๆ พวกเราก็ลงจากดอย มาอาบน้ำแร่ที่บริเวณอุทยานฯ ก็ต้องเสียค่าห้องกันไป แต่ใช่ว่าพวกเราจะได้แช่น้ำแร่ได้ดังใจ เพราะมีกำหนดเวลา เราน่ะ แค่ได้อาบน้ำฝักบัวก็โอเคแล้ว วันนี้เป็นวันที่อาบน้ำแล้วรู้สึกโคตรสดชื่นเลย อาจจะเป็นเพราะว่าเมื่อวานเน่าเป็นแน่

จากนั้นพวกเราก็ระเห็จกันไปที่อุทยานแห่งชาติศรีลานนา วันนี้เราจะไปพักที่เขื่อนแม่งัดกัน โอ้ว รู้สึกดูดีมีระดับซะงั้น เมื่อวานพักบนดอย วันนี้พักเขื่อน แล้วพวกเราก็ลงเรือ ทะยานไปที่แพกัน ปรากฎที่แพมีพวกเราแค่กลุ่มเดียว ช่างอิสระเสียนี่กระไร แพตั้งสี่ห้าแพ รู้สึกว่าที่นี่เป็นของฉัน อย่างไรอย่างนั้น พากันกระโดดไปแพโน้นทีแพนี้ที เพลิดเพลินเจริญใจ แถมยังมีอาหารให้กินกันเอร็ดอร่อยอีกต่างหาก หลังกินข้าวปลาอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ก็พากันเข้าข้างใน เพราะข้างนอกลมเย็นหนาวเสียเหลือเกิน ต่างกระจัดกระจายกันออกไป บ้างก็กินเหล้าเคล้านารี บ้างก็แอบงีบ บ้างก็คาราโอเกะกันสนั่นลั่นแพ เพราะบ้างไม่เพราะบ้างกันตามประสา คืนนี้เราก็นอนกันเร็วอีกเช่นเคย ไม่ได้อาบน้ำอีกเช่นเคย เพราะไม่มีห้องอาบน้ำ มีแต่ห้องส้วม ถ้าอยากอาบน้ำต้องโดดน้ำเอง พวกเราก็เลยยินยอมพร้อมใจกันไม่อาบ (อีกแล้ว)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องราวอุทยานแห่งชาติศรีลานนา และอื่น ๆ รวมทั้งเขื่อนแม่งัดได้ที่ http://www.dnp.go.th/parkreserve/asp/style1/default.asp?npid=142&lg=1

แอ่วดอยผ้าห่มปก-เขื่อนแม่งัด (ตอนแรก)

เรื่องมันเริ่มมาจากพวกเรามีหมายกำหนดการไปเที่ยวเชียงใหม่กันในวันที่ 28 พย. - 2 ธค. 50

วันที่ 28 ราว ๆ 4 ทุ่ม พวกเราทั้ง 10 คน พากันออกเดินทางจากกรุงเทพฯสู่เชียงใหม่

เช้าวันที่ 29 พวกเราก็ตะบึงถึงอ.ฝาง จ.เชียงใหม่ สาย ๆ ก็ถึงอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก จุดหมายปลายทางของเรา จากนั้นก็จัดการติดต่อขอเช่าผ้านวม เพราะกลัวหนาว แถมเจ้าหน้าที่ยังขู่ซะจนแบบว่า... เดี๋ยวพวกเธอจะแข็งตายนะ ฉันเตือนแล้วนะ ไม่เชื่อกันใช่มั้ย

ด้วยความกลัวตาย พวกเราก็เลยจัดการเช่าผ้านวมซะ ในความคิดของเราคิดว่าผ้านวมมันคงจะหนาน่ะนะ น่าจะช่วยไม่ให้เราแข็งตายได้

จากนั้น...พวกเราก็หอบผ้าหอบผ่อนที่จะพอใช้ในหนึ่งคืน แล้วร่อนเข้าสู่ดอยผ้าห่มปกด้วยรถ 4WD


อากาศบนดอยหนาวสุดยอดทั้ง ๆ ที่ยังไม่เย็นย่ำอะไรมากมาย แถมมีลมหนาวพัดอยู่ตลอดเวลาอีก ด้วยความกลัวหนาวในช่วงกลางคืน สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่บนดอยขู่ไว้ (อีกแล้ว) ก็เลยมีการไปเช่าถุงนอนกันมาอีก พอเจ้าหน้าที่เอาผ้านวมมาส่งให้ ปรากฎว่าเป็นแค่ผ้าบางโคตร ๆ ช่วยกันหนาวไม่ได้สักนิด ราคาก็ตั้ง 50 บาท ถุงนอนเวิร์คกว่า แค่ 20 บาทเอง ห่มจนอุ่นเนื้ออุ่นตัวกันไป

แล้วเรา..ก็แสดงความเป็นคนดีอีกแล้ว ด้วยการยอมไม่อาบน้ำเป็นเพื่อนคนอื่น ๆ แต่เช็ดตัว แอ่น เปลี่ยนเสื้อ นะจะบอกให้ ไม่ได้โสโครกอะไรมากมาย เนื้อตัวก็ไม่เหม็นอะไรเท่าไรด้วย (ประมาณเข้าข้างตัวเองอีกแล้วชั้น)

วันนี้นอนกันรวดเร็วมาก ตอนแรกกะจะมีการเล่นป๊อกเด้งมัน ๆ แต่ไม่สามารถเพราะว่าโคตรหนาว พากันนอนก่อนทุ่มอีก อยู่กรุงเทพฯ ไม่เค้ยไม่เคยจะนอนเร็วขนาดนั้น พอสี่ทุ่มกว่า ๆ ก็ตื่นขึ้นมาฉิ้งฉ่องกัน (ที่ห้องน้ำ เขียนไว้ก่อนกันผู้อ่านจะเข้าใจผิด) เห็นดาวเต็มฟ้า สวยสุด ๆ แต่อากาศกลับอุ่นกว่าช่วงหัวค่ำ แถมยังมีดนตรีขับกล่อมจากเต็นท์ไกล ๆ อีก มีความสุขชะมัด

หาอ่านเรื่องราวอุทยานแห่งชาติต่าง ๆ ได้ที่ http://www.dnp.go.th/ จ้ะ