Thursday, April 24, 2008

กลเม็ดเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ กับโปรแกรมการลดน้ำหนัก – ที่ผู้เชี่ยวชาญบางคน…ไม่อยากให้คุณรู้

โปรแกรมการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักนั้นมีมากมายหลากหลายวิธีด้วยกัน ซึ่งบางครั้งมันเป็นการยากมากที่จะเลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่งเพื่อช่วยลดน้ำหนักได้เร็วและได้ผลที่สุด คนจำนวนมากไม่รู้พื้นฐานของการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก รวมทั้งเหตุผลว่าทำไมจึงไม่สามารถลดน้ำหนักได้ตามต้องการสักที บทความนี้จะนำเสนอวิธีที่ได้ผลทั้งสามประการในการฝึกเพื่อช่วยคุณลดน้ำหนักได้เร็วขึ้น โดยไม่ต้องเสียเวลามากมาย เริ่มด้วยสิ่งแรกก่อนก็คือ

1. ความหนักหน่วงของโปรแกรมการฝึก
คนส่วนใหญ่คิดว่าถ้าต้องการลดน้ำหนักแล้วล่ะก็ เราต้องไปยิมหรือฟิตเนส และใช้อุปกรณ์ทุกอย่างที่พบเจอ นั่นก็เป็นความจริงบางส่วน แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและผู้เกี่ยวข้องเป็นร้อยเป็นพันคนทั่วโลก พิสูจน์แล้วว่าถ้าต้องการลดน้ำหนักแล้วล่ะก็ โปรแกรมการฝึกของคุณนั้นต้องหนักหน่วง ไม่ใช่พอบริหารจบหนึ่งท่า พัก 10 นาทีแล้วจึงบริหารอีกท่าหนึ่ง ไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด
ดังนั้น ทันที่คุณฝึกจบหนึ่งท่า คุณต้องฝึกท่าต่อไปเรื่อย ๆ มันทำให้การฝึกของคุณใช้เวลาน้อยลง แต่หนักหน่วงขึ้น

2. การออกกำลังกายประเภทแอโรบิคนั้นสำคัญยิ่งยวด
Aerobic training เป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งในโปรแกรมการลดน้ำหนักทุกประเภท มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เพื่อเบิร์นไขมันโดยไม่ออกกำลังกายประเภทแอโรบิค ใช่...มันน่าเบื่อ แต่นิดนึง คุณต้องการลดน้ำหนักและต้องใช้วิธีที่พิสูจน์แล้วว่าได้ผล ไม่สำคัญว่าคุณจะกินยาลดน้ำหนัก L-Carnitine หรือผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอะไรก็ตาม คุณต้องฝึก aerobic training เยอะ ๆ
จริง ๆ แล้ว คุณไม่จำเป็นต้องวิ่งบนลู่วิ่งเป็นชั่วโมง แค่วันละ 20 นาทีก็เจ๋งแล้ว และถ้าคุณทำสักเดือน คุณจะเจอะเจอผลลัพธ์ที่ได้จากการฝึก สิ่งอื่น ๆ ที่คุณจำเป็นต้องรู้อีก นั่นก็คือ พวกเรามากมายอีกหลายคน คิดว่าทางเดียวที่จะออกกำลังกายประเภทแอโรบิคได้นั้น ก็คือการใช้อุปกรณ์น่าเบื่อในยิม เช่น stepper หรือไม่ก็ลู่วิ่ง เท่านั้น แต่หารู้ไม่ว่า…ฟุตบอล บาสเกตบอล เทนนิส วิ่ง เต้นแอโรบิค ต่อยมวย ก็เป็นตัวอย่างที่ดีในการออกกำลังกายประเภทแอโรบิคเช่นกัน

3. เล่นเวทเบา ๆ แต่มากครั้ง
เมื่อเบิร์นไขมันได้เพียงพอแล้ว คุณสามารถกระชับกล้ามเนื้อด้วยการยกเวทเบา ๆ แต่เล่นจำนวนครั้งมากขึ้น คุณสามารถกระชับกล้ามเนื้อได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องใช้ยา ถ้าคุณไม่ใช่มืออาชีพด้านฟิตเนสแล้วล่ะก็ มันก็ไม่มีจำเป็นใด ๆ ที่จะต้องเปลี่ยนโปรแกรมการฝึก และ
แทนที่จะใช้เวทน้ำหนักมาก ๆ ที่คุณสามารถยกได้ ก็ใช้เวทน้ำหนักเบา ๆ แต่เล่นจำนวนครั้งมากขึ้นแทน นั่นคือสิ่งที่คุณจำเป็นต้องทำ และใช่ คุณอาจจะคิดว่าเวทเบาเกินไป ก็เล่นจำนวนครั้งมาก ๆ ซิ คุณจะพบว่าการกระชับกล้ามเนื้อนั้นง่ายดายเพียงใด

- ข้อมูลเพิ่มเติมจาก theryo.com -
ที่มาของความนิยมของ L-Carnitine ในช่วงปี 80 มันมาจากอะไรทราบมั๊ยครับ มันมาจากการที่ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของ Ephedrine และ Caffeine ถูกระบุว่ามีอันตรายกับสุขภาพ ผู้ประกอบการ จึงพยายามมองหาสินค้าตัวใหม่ ที่ยังไม่พบว่ามีผลข้างเคียงอันตรายกับสุขภาพ (ในขณะนั้น) ออกมาขาย และพระเอกตัวนึงของยุคนั้น ก็คือ L-Carnitine นี่แหละครับ
สำหรับบ้านเรา มาเป็นที่นิยมรู้จักกันเพิ่มมากขึ้น ช่วงที่กระแสเครื่องดื่มชาเขียวเพื่อสุขภาพมันตก ยอดขายไม่กระเตื้อง ผู้ประกอบการกำลังมองหาสินค้าตัวใหม่ จึงออกผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มผสม L-Carnitine และทำการประชาสัมพันธ์กันอย่างใหญ่โต จากที่เคยหลอก เอ้ย เคยสนใจกันเฉพาะแวดวง ผู้ที่สนใจในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกลุ่มเล็กๆ คราวนี้ก็เป็นที่สนใจกันในวงกว้างเลย
ผลดีของ L-Carnitine นั้นมีครับ แต่ว่าค่อนข้างมีนัยไม่มากนัก ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือคุณต้องออกกำลังกาย เพื่อให้เกิดการเผาผลาญไขมัน มาใช้เป็นพลังงาน ซึ่งจริงๆ ถ้าต้องออกกำลังกายอยู่แล้ว ปกติมันก็เกิดการเผาผลาญอยู่แล้วนั่นและครับ แต่ถ้าจะซื้อหามารับประทาน ก็ไม่ผิดกติกาครับ ผมเพียงต้องการให้ข้อมูลในอีกมุมนึง ที่เอกสารประกอบการขายผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ไม่เคยตีพิมพ์เท่านั้นเอง
สำหรับผลข้างเคียงนะครับ มีการวิจัยบางฉบับแนะนำไว้ว่า ในผู้มีปัญหาระดับไทรอยด์ต่ำ ไม่ควรบริโภค L-Carnitine ครับจะมีปัญหากับภาวะสมดุลย์ของไทรอยด์ได้ครับ ผู้มีปัญหาเรื่องความดันโลหิตสูง ก็ไม่ควรรับประทานครับ
ผลข้างเคียงบางอย่างที่มีการรายงานอื่นๆ ก็อย่างเช่น หัวใจเต้นเร็ว เป็นไข้ และหากทานในปริมาณมากเกินไป จะทำให้ท้องเสียเกิดอาการท้องเดิน ท้องร่วง แต่ก็ไม่ได้เกิดกับทุกคนครับ

Wednesday, April 16, 2008

ข้อแนะนำสำหรับคนไม่อยากออกกำลังกาย

สืบเนื่องจากเมื่ออ่านบทความนี้ แล้วรู้สึกว่ามันต่อเนื่องจากบทความที่ผ่านมา (จาก Ezinearticle.com) คล้าย ๆ เป็นการยกตัวอย่างประกอบบทความที่ผ่านมา ก็เลยจัดการแปลซะ เผื่อจะเห็นภาพกันมากขึ้น

ตัวผมนั้นไม่ชอบออกกำลังกายเลยจริง ๆ และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงอ้วนนัก ผมมักจะหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้ายิม เพราะมีแต่คนมองผมเหงื่อไหลไคลย้อย ผมมักคิดเสมอว่าพวกเขาหัวเราะเยาะผม เห็นคนอ้วนที่พยายามออกกำลังกาย ผมทั้งคอเลสเตอรอลสูง เก๊า เบาหวานประเภทสอง แต่ผมลดน้ำหนักลงได้ 20 กก. ภายใน 6 เดือน และปัญหาทางด้านสุขภาพก็ลดลงด้วย

ผมมีความลับก็คือ “เราท่านสามารถออกกำลังกายได้โดยไม่ต้องเข้ายิม หรือซื้ออุปกรณ์การออกกำลังกายใด ๆ ที่โฆษณาขายทางจอทีวี” แผนของผมก็คือแค่ทำกิจกรรมตามปกติ ผมชอบออกกำลังกายมากขึ้นหลังจากที่น้ำหนักลดลง 10 กก.แรก พอรู้สึกดีขึ้นแล้ว ก็อยากลดน้ำหนักลงมากขึ้นอีก สิ่งที่ผมทำก็เป็นการเปลี่ยนแปลงง่าย ๆ ด้วยการเลิกใช้ลิฟต์ และขึ้นบันไดแทน ทุกวันผมจะขึ้นบันไดสามชั้น เมื่อเห็นว่าเป็นวิธีที่ดีแล้วผมก็เริ่มขึ้นบันไดทุกสถานที่ ผมใช้เวลาอย่างน้อย 30 นาทีต่อวันในการขึ้นบันได

ไอเดียบรรเจิดของผมต่อมาก็คือจอดรถให้ห่างออฟฟิศ ผมจึงต้องเดินไกลมากขึ้นเพื่อไปที่สำนักงาน ที่สุดผมพบว่าจากการเดินมันทำให้ผมไปถึงออฟฟิศเร็วขึ้น แทนที่จะหาที่จอดรถให้ใกล้ออฟฟิศที่สุดและรอขึ้นลิฟต์ ผมนำวิธีนี้มาใช้เมื่อผมขับรถในช่วงสุดสัปดาห์เพื่อซื้อของ การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ ทำให้ผมลดน้ำหนักได้อย่างน้อยอีก 5 กก.

ต่อมาผมก็เริ่มเดินเล่นกับเจ้าหมาน้อยด้วยระยะทางที่ไกลขึ้น แน่นอนว่ามันสนุกขึ้น และนั่นก็ดีสำหรับผมเหมือนกัน บางครั้งผมต้องอุ้มมันกลับบ้าน เพราะมันเหนื่อยกับการเดินมากไปหน่อย มันก็ดูน่ารักดีเหมือนกันในภาพชายหนุ่มอุ้มหมาน้อยกลับบ้าน ผมทำให้มันเดินได้ไกลขึ้น และคิดว่ามันคงแข็งแรงขึ้น

สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกเห็นผลมากที่สุดก็คือเมื่อมีคนเริ่มเข้ามาทักว่าผมดูดีขึ้น ผมก็รู้สึกดีจริง ๆ เหมือนกัน และมีความสุขที่สามารถลดปัญหาสุขภาพที่เป็นอยู่ได้ด้วย

Friday, April 11, 2008

แอคทีฟมากขึ้น ถ้าคิดซะว่า…การออกกำลังกายเป็นเหมือนกับการเล่นที่สนุ๊ก สนุก

กับคำถามที่ว่า ทำอย่างไรจึงจะออกกำลังกายในวันอันแสนยุ่งเหยิงได้ ทำอย่างไรจึงออกจากออฟฟิศให้เร็วขึ้นได้ ทำอย่างไรจึงวางรีโมตทีวีแล้วออกนอกบ้านได้ ทำอย่างไรให้กระฉับกระเฉงเต็มไปด้วยพลังได้ คำตอบทั้งหมดทั้งมวลก็คือการทำกิจกรรมหรือออกกำลังกายที่คุณชื่นชอบ และคิดเสมือนว่ามันเป็น “การเล่นสนุก ๆ” ก็แค่นั้น

ผู้รู้แนะนำไว้ว่าเราควรออกกำลังกายวันละ 20-60 นาที หลายคนว่ามันยากเป็นหนักเป็นหนาที่จะเพิ่มสิ่งนี้ลงไปในตารางชีวิตประจำวัน ไม่ต้องกังวลไป งานวิจัยหลาย ๆ ชิ้นบอกไว้ว่า ฝึกแค่ 10 นาทีแต่ละวันก็ได้ผลแล้ว และบางทีอาจจะมีผลต่อการเบิร์นไขมันมากขึ้นด้วย – จริงหรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่บทความนี้บอกไว้ว่างี้ อันนี้แล้วแต่วิจารณญาณ NaaToy -

แล้วถ้าการออกกำลังกายไม่ใช่แนวของคุณ อย่าหมดหวังไปซะทีเดียว คุณก็แค่พยายามทำกิจกรรมอื่น ๆ ในแต่ละวันให้มากขึ้นก็เท่านั้น ถ้ามีทางเลือกระหว่างบันไดและลิฟต์แล้วล่ะก็ ขอให้ขึ้นบันไดซะ จอดรถให้ไกลกว่าจุดหมายปลายทางของคุณ ลุกขึ้นเปลี่ยนช่องทีวีแทนที่จะใช้รีโมท หาเหตุผลในการเดินขึ้นบันไดบ้าน ลุกขึ้นเต้นช่วงโฆษณาทางทีวี พาหมาไปเดินเล่นให้ไกลขึ้น ถ้าไม่มีหมาก็อาจจะขอยืมหมาของเพื่อนบ้านก็ได้ หาโอกาสออกนอกบ้าน กวาดลานบ้าน ถอนหญ้า แต่ละกิจกรรมที่คุณทำนั้น เบิร์นแคลอรี่ได้มากกว่าการนั่งอยู่เฉย ๆ

ใช่ เราสามารถลดน้ำหนักโดยไม่ต้องทำกิจกรรมใด ๆ ได้ ผู้รู้หลายคนทำให้คุณเชื่อเช่นนั้น แต่รับรองได้ว่าคุณจะไม่แฮปปี้นักกับรูปร่างที่คุณลดน้ำหนักได้ตามเป้า ด้วยมวลกล้ามเนื้อที่ฟีบและผิวหนังที่เหี่ยวย่น

การออกกำลังกายที่ง่ายที่สุดอย่างเห็นได้ชัดที่ช่วยให้คุณลดน้ำหนักหรือทำให้น้ำหนักคงที่ก็คือการเดิน แค่หารองเท้าใส่สบาย ๆ สักคู่ คุณก็สามารถเดินได้ทุกที่ ทุกเวลา ทั้งในและนอกสถานที่ สัก 30-60 นาทีต่อวัน หรือถ้าคุณเป็นขี้เบื่อ ก็หาเพื่อนสักคน หรือถ้าไม่มีเพื่อนคบ คุณอาจจะพึ่งพาเจ้าไอพอด เดินไปฟังเพลงไป แล้ว…ลองเดินให้ไกลขึ้นสัปดาห์ละวัน เพื่อเปลี่ยนแปลงอะไร ๆ บ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ การเดิน 4 ไมล์ (ประมาณ 6-7 กม.) ต่อชั่วโมง จะเบิร์นแคลอรี่ได้ประมาณ 500 แคลอรี่

การออกกำลังกายที่ดีอีกประเภทหนึ่งก็คือการว่ายน้ำ ทันทีที่คุณสวมชุดว่ายน้ำ หมวกคลุม แว่นตาว่ายน้ำ คุณจะแปลกใจว่าคุณสนุกกับมันเพียงใด มันจะนำความทรงจำอันแสนสนุกในช่วงวัยเด็กกลับมา แต่ถ้าคุณขี้อายล่ะก็ จำไว้ว่าทันทีที่คุณอยู่ในสระนั้น ไม่มีใครมองคุณหรอก การว่ายน้ำเป็นกิจกรรม 2-3 ประเภทที่น้ำหนักตัวไม่ใช่เรื่องสำคัญ การว่ายน้ำต่อเนื่องสักชั่วโมงจะเบิร์นแคลอรี่ได้ประมาณ 470-670 แคลอรี่ ทั้งหมดทั้งหมดขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของคุณ

การเล่นฟิตเนสหรือยิมนั้น ก็เป็นวิธีที่สนุกอีกวิธีหนึ่งในการออกกำลังกาย ทำให้คุณได้พบปะผู้คนมากมาย ถ้าคุณชอบความเป็นส่วนตัวที่บ้าน ก็มีวีซีดี วีดีโอ ขายมากมาย คุณยังสามารถหาซื้ออุปกรณ์การออกกำลังกาย หนังสือ หรือเข้าเว๊ปออนไลน์หาข้อมูลได้อีกด้วย

อุปกรณ์การออกกำลังกายสมัยนี้ก็หาซื้อได้ง่าย และสะดวกในการใช้ หรือไม่คุณอาจหาสิ่งต่าง ๆ ภายในบ้านแทนอุปกรณ์การออกกำลังกายได้ ขวดน้ำสามารถใช้แทนเวท ด้ามจับไม้กวาดใช้สำหรับการยืดเหยียดได้ กำแพงบ้านก็ใช้สำหรับยืดยึดพื้นได้ เป็นต้น

ประโยชน์ของการออกกำลังกายมีมากมายหลากหลายประการ ประโยชน์ที่เจ๋งที่สุดคือมันให้ผลอย่างต่อเนื่อง คือเมื่อคุณออกกำลังกายสม่ำเสมอ ร่างกายจะยังคงเบิร์นแคลอรี่แม้ว่าคุณจะเลิกฝึกแล้วก็ตาม แล้วอะไรที่คุณต้องการมากไปกว่านี้อีกล่ะ

Tuesday, April 8, 2008

ตกหมอน

สืบเนื่องจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ เกิดอาการปวดคออย่างแรง คาดว่าน่าจะเกิดจากการตกหมอนเป็นแน่แท้ ปวดประมาณเจ็บจี๊ด ๆ ก็ลองนวด กินยาคลายกล้ามเนื้อ แล้วก็ออกกำลังกายตามปกติ

ปรากฎว่าช่วงออกกำลังกายไม่รู้สึกปวดใด ๆ ทั้งสิ้น จะมาปวดอีกทีก็เช้าวันถัดมาแล้ว ก็เลยไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะจิตอุปาทานไปเองรึเปล่า หรือว่าหาเรื่องออกกำลังกายทุกวันก็ไม่รู้

หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปก็ยังตึง ๆ อยู่ แต่อาการดีขึ้นมากโขอยู่ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นอีกแล้ว ก็เลยเสาะหาข้อมูลอ่านดู ก็ได้ความว่าดังนี้


บางคนหลังตื่นนอนไม่สามารถหันคอหรือเอียงคอได้ เพราะจะเจ็บปวดมากหากฝืนหันหรือเอียงคออย่างเวลาปกติ เราเรียกอาการแบบนี้ว่า "ตกหมอน"
ใครไม่เคยปวดคอหรืออาการคอแข็งมักไม่ค่อยตระหนักถึงความสำคัญของ "คอ" ทั้งที่กล้ามเนื้อบริเวณคอต้องทำงานหนักเพราะต้องแบกรับน้ำหนักของกะโหลกและมันสมองที่มีน้ำหนักมาก
ปกติกล้ามเนื้อคอจะมีความยืดหยุ่นสูง แต่ถ้าไม่ระวังตัวใช้กล้ามเนื้อคอเกินความสามารถหรือผิดท่าผิดจังหวะก็ทำให้เกิดอาการคอแข็งได้ ที่พบบ่อยๆ สำหรับอาการคอแข็งอย่างเฉียบพลันเกิดจากการเอี้ยวผิดท่าหรือหลังตื่นนอน


การรักษา
- อย่าพยายามเคลื่อนไหวคอ ให้อยู่นิ่งๆ จากนั้นให้ประคบร้อน โดยนำกระเป๋าน้ำร้อนวางบริเวณกล้ามเนื้อต้นคอที่กดแล้วเจ็บ ประมาณ 20 - 30 นาที และกดนวดบริเวณคอเพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว อาการจะค่อยๆ ดีขึ้น (ระวังอย่าให้น้ำร้อนมากเอาแค่พอทนได้)
- ถ้าไม่ประคบร้อนอาจรับประทานยาคลายกล้ามเนื้อ เพื่อให้กล้ามเนื้อคลายตัวลดอาการเจ็บปวด ควรใช้ยาอย่างถูกวิธี เนื่องจากยานี้มีผลข้างเคียงสูง
- ถ้าไม่ดีขึ้นเลยควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและรักษาให้ถูกต้อง


การป้องกัน
- ระวังอิริยาบถ ไม่ก้มๆ เงยๆ มากเกินไปหรือเคลื่อนไหวคออย่างรุนแรง
- ผู้ที่ต้องทำงานหน้าเครื่องจักรหรือคอมพิวเตอร์ ควรเปลี่ยนพักอิริยาบถบ้าง มิฉะนั้นกล้ามเนื้อจะเกิดอาการเครียดหรือตึงได้
- เวลานอน ควรนอนบนที่นอนที่แข็ง ให้ศีรษะอยู่ระดับเดียวกับพื้นหรือหาหมอนที่ใบกว้างๆ มานอนจะลดโอกาสนอนตกหมอนคอเอียงลงได้
- ไม่ควรนอนคว่ำอ่านหนังสือหรือดูทีวี
- เป็นข้อสำคัญที่สุด คือ หมั่นออกกำลังกล้ามเนื้อของคอทุกๆ วัน และพยายามลดความเครียดจากชีวิตประจำวันโดยการออกกำลังกายเพื่อให้สุขภาพแข็งแรงอยู่เสมอ


การนอนหนุนหมอนที่ไม่เหมาะสม เช่น หมอนแบนเกินไป ทำให้ศีรษะแหงนเงยเล็กน้อยเมื่อนอนหงาย และทำให้คอเอียงเมื่อนอนตะแคง หรือในทางตรงกันข้าม หมอนหนุนศีรษะที่หนาเกินไป ไม่ยุบตัวรองรับลำคอและบ่า จะทำให้คออยู่ในท่าก้มเมื่อนอนหงาย และเอียงมาด้านตรงข้าม เมื่อนอนตะแคง เกิดการตึงตัวของกล้ามเนื้อรอบลำคอ สาเหตุเบื้องต้นเหล่านี้ ทำให้เมื่อตื่นนอนขึ้นจะมีอาการคอแข็ง กล้ามเนื้อตึงรั้ง เคลื่อนไหวได้ไม่คล่องในบางทิศทาง เช่น หันหน้าไปทางขวาหรือซ้าย เอียงคอ ก้มหรือเงย

วิธีบริหารกล้ามเนื้อคออย่างง่าย
ก้มและเงยหน้า ค่อยๆ ก้มหน้าให้คางจรดกับอก แล้วเงยช้าๆ ให้มากที่สุด
ตะแคงซ้ายขวา หน้าตรงค่อยๆ ตะแคงซ้ายจนหูจรดไหล่ซ้าย แล้วตะแคงขวาในลักษณะเดียวกัน
หันหน้าซ้ายขวา หมุนศีรษะหันหน้าไปทางซ้ายช้าๆ โดยให้ปลายคางอยู่ในแนวเดียวกับไหล่แล้วหมุนกลับมาด้านขวา

Tuesday, April 1, 2008

เคล็ดลับสามประการกับผู้เริ่มต้นออกกำลังกาย

ผู้เริ่มต้นออกกำลังกายในฟิตเนส หลายคนมักจะมองหาเคล็ดลับ เทคนิค ในการออกกำลังกายอยู่เสมอ จริงอยู่ว่าอินเตอร์เนตนั้นเต็มไปด้วยข้อมูล แต่ 98.9% ของข้อมูลเหล่านั้น เป็นการนำกลับมาเขียนใหม่ หรือไม่ก็...ไร้สาระสิ้นดี

ในบทความนี้ คุณจะพบเคล็ดลับสำคัญสามประการสำหรับผู้เริ่มต้นเข้ายิม ฝรั่งผู้เขียนเค้าคิดถึงเหตุผลว่าทำไม 9 ใน 10 คน จึงเลิกฝึกหลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน นั่นก็เป็นเพราะคนเหล่านั้นเริ่มฝึกจากสิ่งยาก ๆ ก่อน

ในความคิดของคุณฝรั่งผู้เขียน ทุกคนควรมีเป้าหมาย ก่อนจะเริ่มฝึก คิดดูซิถ้าไม่มีเป้าหมาย คุณจะประสบผลสำเร็จได้อย่างไร ดังนั้นทุกคนควรตั้งเป้าหมายไว้ เช่น “ฉันจะต้องมีซิกแพค และจะต้องลดน้ำหนักลง 8 กก. ให้ได้ ก่อนวันที่ 28 กันยายน นี้” นี่แหละเป็นเป้าหมายที่ทุกคนควรมี เมื่อมีเป้าหมาย แรงจูงใจ ก็จะตามมาด้วย และตามด้วยการฝึกที่ง่ายขึ้น แม้บางครั้งมันจะน่าเบื่อก็ตาม และนี่แหละคือเคล็ดลับข้อแรก

สิ่งที่สองที่คุณควรรู้ก็คือ การลดน้ำหนัก มันไม่ได้ขึ้นกับการฝึกยาก ๆ และระยะเวลาในการอยู่ในยิม มันขึ้นอยู่กับความหนักหน่วง และถ้าคุณรักษาความหนักหน่วงนี้ให้เท่ากันได้ตลอดการฝึก คุณจะประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายอย่างรวดเร็ว

สิ่งที่สามที่ผู้เริ่มต้นทุกคนควรรู้ก็คือ การลดน้ำหนัก มันไม่ใช่แค่เพียงการซิตอัพเท่านั้น เราหลายคนใช้เวลามากมายไปกับการซิตอัพ ฝรั่งผู้เขียนบอกไว้ว่าใช่ว่าการฝึกนี้จะไม่ดี แต่…มันไม่ได้ช่วยให้คุณลดน้ำหนักลงได้ แต่กลับเสริมสร้างกล้ามเนื้อหน้าท้อง และถ้าคุณมีไขมันบริเวณหน้าท้องมาก ท้องคุณก็จะใหญ่ขึ้น คุณจะมีกล้ามเนื้อมากขึ้นภายใต้ชั้นไขมัน แล้วใครล่ะที่ต้องการอย่างนั้น

การกำจัดไขมันออกไปนั้น คุณจะต้องฝึกคาร์ดิโอเยอะ ๆ อย่างน้อยก็ 20 นาทีต่อวัน ถ้าคุณทำอย่างนี้ได้ คุณจะพบว่าคุณนั้นประสบความผลสำเร็จตามต้องการได้อย่างง่ายดายเพียงใด